สารจากประธานกรรมการ
ในปี 2566 ที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยและทั่วโลกจะสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดได้ รวมถึงการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมต่าง ๆ ได้กลับมาดำเนินการได้ตามปกติอย่างเต็มรูปแบบแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าโลกจะไม่กลับมาประสบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีความอันตรายและไม่สามารถควบคุมได้อีกในอนาคตข้างหน้า ดังนั้นบริษัทจึงยึดมั่นดำเนินธุรกิจบนความไม่ประมาทต่อความเสี่ยงจากสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน เพื่อลดผลกระทบที่อาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ปี 2566 นับว่าเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมากจากสถานการณ์ความผันผวนในด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ตั้งแต่ปัญหาการเมืองไทยที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจในประเทศ การเมืองโลกที่ผันผวนส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกให้พลิกผันอยู่เสมอ วิกฤตสงครามและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในหลายประเทศซึ่งขยายความยืดเยื้อยังได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเป็นวงกว้างและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอยลง
ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นมากมายในรอบปีที่ผ่านมา แม้ว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ แต่ถือเป็นแรงกระตุ้นและส่งสัญญาณให้บริษัทต้องมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นให้เหมาะสมกับสานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์และแผนกลยุทธ์เพื่อสร้างความเข้มแข็งภายในองค์กร การบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยความระมัดระวัง การบริหารจัดการและควบคุมต้นทุน การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานในทุกกระบวนการ และการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเตรีียมความพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต ในขณะเดียวกันบริษัทได้ดำเนินการปรับโครงสร้างของกลุ่มบริษัทให้มีความคล่องตัวพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจพลังงานทางเลือก และธุรกิจที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความยั่งยืน มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยการกำกับดูแลกิจการที่ดีและโปร่งใส
ในปี 2566 บริษัทมีการทบทวนวิสัยทัศน์ (Vision) และพันธกิจ (Mission) ขององค์กรเพื่อให้มีความสอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท และสอดรับกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งพัฒนารูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ และเดินหน้าลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดธุรกิจเดิมอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยบริษัทมีการขยายการลงทุนที่สำคัญในธุรกิจพลังงานทางเลือก ได้แก่ การเข้าลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตชีวมวลอัดเม็ด ณ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดภายในประเทศและต่างประเทศในอนาคต รวมถึงการเข้าลงทุนในโครงการระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งที่สถานีฐานและเสาโทรคมนาคมเพื่อการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าและเพื่อจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นได้จากระบบผลิตไฟฟ้าให้แก่บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด โดยบริษัทเป็นผู้ลงทุนในการออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้ง ถือกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง การดำเนินงาน และการบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้าบนพื้นที่ติดตั้งแต่ละแห่ง นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งกำลังเป็นกระแสโลกและเป็นแนวโน้มแห่งอนาคต โดยการเข้าร่วมในการดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต สำหรับบุคคลภายนอก ประจำปี 2566 ซึ่งได้รับการจัดสรรพื้นที่จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้ดำเนินการปลูก บำรุง ดูแล รักษา และจัดการป่าชายเลน ภายใต้พื้นที่ที่ได้รับการจัดสรรให้ดำเนินโครงการจำนวน 401.25 ไร่ ในอำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ และอีกจำนวน 417 ไร่ ในอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และประโยชน์ในการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทได้กำหนดกลยุทธ์ที่เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจ 3 แนวทาง ประกอบด้วย กลยุทธ์ด้านผลประกอบการซึ่งมุ่งเน้นที่จะขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างยอดขาย เพิ่มรายได้และกำไรในธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ทั้งกลุ่มลูกค้าที่เป็นหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน กลยุทธ์ด้านการเติบโตและขยายธุรกิจโดยขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือก ธุรกิจที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนที่ให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการกำกับกิจการที่ดี โดยคำนึงถึงผลกระทบเชิงบวกต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กรครอบคลุมด้านการกำกับดูแลกิจกรรม ด้านสังคมและด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างวัฒนธรรมและสร้างความมั่นคงในคุณภาพชีวิตของบุคลากรให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจได้ นอกจากนี้ บริษัทยังตระหนักถึงความสำคัญเกี่ยวกับการแก้้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยเพิ่มกำลังการผลิตรวมของธุรกิจพลังงานทางเลือก และขยายโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด หรือ Clean Energy ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) ได้แก่ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ เป็นต้น อีกทั้งมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนเครดิตซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญซึ่งเป็นการทำธุรกิจที่ยั่งยืนด้วย ESG เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล และนำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Business) ต่อไป
นอกจากการพัฒนาธุรกิจอย่างไม่หยุดนิ่งตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทยังได้ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยมีการปรับปรุงแนวปฏิบัติการกำกับดูแลกิจการของบริษัทให้สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนปี 2560 หรือ CG Code ของสำนักงาน ก.ล.ต. อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยกระดับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทให้มีพัฒนาการและความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์องค์กรตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจอย่างสมดุลทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance & Economic) หรือ ESG ส่งผลให้บริษัทได้รับคะแนนในระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) หรือระดับ 5 ดาว จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 105 เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ซึ่งได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 93 คิดเป็นคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 รวมทั้งได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันอีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิทธิของผู้ถือหุ้น การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน การคำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสียและการพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส และความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัทเป็นอย่างดี
สุดทายนี้ ในนามของคณะกรรมการบริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัท ขอขอบคุณผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ คู่ค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่สนับสนุนและเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทด้วยดีเสมอมา รวมทั้งขอขอบคุณคณะกรรมการบริษัท คณะผู้บริหาร และพนักงานทุกท่านสำหรับความทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะให้การสนับสนุนและมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจด้วยความรับผิดชอบเพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทประสบความสำเร็จ และก้าวไปด้วยกันอย่างภาคภูมิและยั่งยืนต่อไป
ดร.พงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์
ประธานกรรมการ
บริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)